จากวันก่อนที่มีน้องๆ เข้ามาถามเรือง ความแตกต่างระหว่าง Arduino Uno ทั้ง 2 รุ่น วันนี้ก็มีคำถามอีกว่า Nodemcu V1 V2 V3 แตกต่างกันอย่างไร สำหรับน้องๆที่พึ่งเล่น น้องๆมือใหม่ควรจะซื้อแบบไหน ลองมาดูความแตกต่างของทั้ง 3 รุ่นกันเลย วันนี้ทางร้าน จะออกมาสรุปแบบลูกทุ่งสุดๆ ตามความเข้าใจของทางร้านน่ะครับ
มาเริ่มต้น ทำความเข้าใจประวัติ คร่าวๆ กับ Nodemcu ESP8266 ก่อน จุดเริ่มต้น ก็มาจาก Esp-01.
ประมาณ 3-4 ปีที่แล้วสมัยแอดหัดเล่น Arduino ใหม่ๆ ช่วงนั้นมี Chip wifi ราคาถูกมาก คือ Esp-01 ยังต้องใช้ร่วมกับ Arduino เพื่อสั่งการทำงาน การใช้งานผ่าน At command ตอนนั้นบอกตรงๆว่ามึนมากครับ ต้อง Esp8266 Firmware Update เจอบางตัวใช้ไม่ได้อีก มึนกับคำสั่ง At command มาก (อาจจะเกิดไม่ทันในยุค at command) เลขไม่ค่อยเข้าใจ ไฟก็ต้องนิ่งถ้าไฟเกินก็ เอ๋ออีก แอด เลยใช้ w5100 ยอมลากสาย Lan ก็ได้มาตลอด และยังผลิตออกมาหลากหลายรุ่น
จากนั้น ก็มีทีมกลุ่มหนึ่งพัฒนา Firmware ให้สามารถเขียนร่วมกับ Arduino IDE ได้ ตอนนั้นแอดตื่นเต้นมาก แถมทำงานได้ด้วยตัวมันเอง (stand alone) แต่ก็ยังคิดน่ะครับ Esp-01 มี IO แค่ 2 ขามันจะทำอะไรได้น่ะ ถ้าเพื่อนๆม่ช่องเสียบ แค่ 2 ช่องจะทำอะไรได้บ้างละลองคิดดู แถมเวลาอัพโหลดโปรแกรมต้องจั้มสายโน้นนี่นั้น ต่อ TTL เพื่ออัพโหลด ยุ่งยากมาก หลักจากนั้นก็มีการพัฒนาขึ้นมาเป็น Nodemcu V1
Nodemcu V1 จากที่มี IO เพียง 2 ขา การที่จะโปรแกรมใส่สักครั้งแสนลำบากกลายเป็นบอร์ดที่มีความสะดวก มี Chip CH340 ในบอร์ดด้วย ขา IO ก็เพิ่มขึ้น มี Analog ให้อีก 1 ช่อง คราวนี้ก็ถึงเวลาสนุกครับ บอร์ดที่มี wifi ในตัวราคาเท่ากับ Arduino Uno R3 แต่มีครบทุกอย่างก็แถมพัฒนาโปรแกรมได้ด้วย Arduino IDE อีกด้วย มาถึงข้อเสียของบอร์ดนี้เลยครับ บอร์ดจะมีขนาดใหญ่เท่ากับ V3 เลยไม่สามารถเสียบลงบอร์ดทดลองได้ (เสียบก็เต็มพอดีต่อสายออกมาไม่ได้) และที่สำคัญสุดๆ USB to TTL ใช้ Ch340 แน่นอน ว่า สำหรับน้องๆที่ใช้ Windows อาจจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน แต่สำหรับคนที่ใช้ mac book mac os Linux คงปวดหัวและวุ่นวายในจุดนี้แน่นอน จึงออก เวอร์ชั่น 2 ออกมา
ถูกพัฒนาจาก V1 ถูกปรับปรุงให้เล็กลงกว่าเดิมสามารถเสียบบอร์ดทดลองได้เหลือช่องให้เสียบสายไฟเพิ่มเติมได้ประสิทธิภาพดีขึ้น โดยใช้ Esp-12E และ ใช้ USB to TTL เบอร์ cp2102 ราคาก็จะแพงขึ้นมานิดหน่อยด้วยค่าตัวของ cp2102 ที่แพงขึ้น แน่นอนครับ สำหรับคนที่ใช้ Windows ก็ใช้งานได้ปกติ เช่นเคย แต่สำหรับ Mac os linux Chip เบอร์ cp2102 ตอบโจทย์แน่นอน เจอไดร์เวอร์แน่นอน เสียบคอมไปแล้วคอมไม่ดับ (mac os) และถือเป็นบอร์ดที่เล็กที่สุดเมื่อเทียบทั้ง 3 รุ่น
Nodemcu V3 ถูกผลิตจากบริษัท Lolin ใช้ ESP-12E เหมือนกับ Nodemcu V2 และใช้ USB to TTL เบอร์ CH340 เหมือนกับ Nodemcu V1 (อาจจะเป็น รุ่น Nodemcu V1+V2 = V3) บอร์ดมีขนาดใหญ่ที่สุด ความกว้าง เท่ากับ Nodemcu V1 แต่ความยาวยาวกว่า Nodemcu V1 แน่นอนครับว่าไม่สามารถเสียบลงบอร์ดทดลองได้ และลำบากสำหรับท่านที่ใช้ mac os linux ส่วนท่านที่ใช้ Windows ก็สามารถใช้ได้เหมือนเดิม และมีระบบ Save มาขึ้นเช่น ช่อง Vin จะไม่มีไฟเลี้ยงออกมา ให้ไปใช้ช่อง VV หรือ VU แทน ราคาจะถูกกว่า V2
จากประสบการณ์ส่วนตัวอันน้อยนิดของทางแอดมิน
สำหรับ Admin จะชอบ V2 มากที่สุดครับ เนื่องจากง่ายต่อการทดลองเขียนโปรแกรมต่างๆ ต่อลงบอร์ดทดลองได้ ในส่วนของ V3 การทำกระแสไปเลี้ยงอุปกรณ์ Sensor ทำกระแสได้น้อยกว่า V2 (หากไม่ใช้แหล่งจ่ายไฟน้อก V2 จะต่อ Sensor ได้มากกว่า V3) และบางครั้งเจอลูกค้าที่ใช้ mac book การใช้งาน V2 ก็จะตอบโจทย์ที่สุด ในส่วน V3 ก็จะมี Shield หล่อให้เลือกใช้อีกด้วย ทำให้การต่ออุปกรณ์ก็ง่ายขึ้น ครับ
NodeMCU Base Ver 1.0 for Nodemcu V3
คราวนี้ก็แล้วแต่น้องก็ได้รู้ถึงข้อแตกต่างของแต่ละรุ่น แล้วน้องๆก็สามารถเลือกให้เหมาะกับตัวน้องๆ กับงานที่น้องๆได้ ตรงความต้องการของน้องๆได้เลย ลองดูครับ
เขียนจากประสบการณ์จริง ความความเข้าใจของแอด ผิดถูกก็ขออภัยด้วยน่ะครับ
หน้าที่เข้าชม | 4,510,768 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,466,540 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |